นี่คือเครื่องมือสำคัญอีกตัวของในการใช้สร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ "Marketing Funnels" ที่หลายคนยังไม่รู้จัก และน่าสนใจมากที่สุดในปี 2021
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่เรียกว่า “Marketing Funnels” ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนักในประเทศไทย อีกทั้งเครื่องมือสำหรับใช้สร้าง Marketing Funnels ก็มีให้ใช้งานน้อยมาก
ผมเองเป็นอีกคนที่สนใจในการตลาดแขนงนี้ เพราะนี่คือหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
ทว่าปีนี้โชคดีเป็นพิเศษที่ได้มารู้จักกับแพลตฟอร์ม “Funnel Builder” ที่ทำให้ผมต้องสะดุดตาเป็นอย่างมากนั่นก็คือ “GrooveFunnels”
และโชคดีของผมไม่ได้มีเพียงเท่านี้ครับ บังเอิญว่า GrooveFunnels อยู่ในช่วงเปิดตัวพอดิบพอดี ทำให้มีข้อเสนอที่เรียกว่า FREE Lifetime Plan สำหรับแพลตฟอร์มระดับนี้ แล้วเปิดให้ใช้งานฟรีตลอดชีพ ขอบอกเลยว่าเกินคุ้มจริงๆ ครับ
GrooveFunnels คืออะไร?
GrooveFunnels คือ เครื่องมือทางการตลาดออนไลน์สำหรับใช้สร้าง Funnel เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์ได้
ความน่าสนใจของ GrooveFunnels คือผู้ร่วมก่อตั้งซึ่งมี Mike Filsaime เขาเป็นกำลังหลักในการพัฒนา Kartra มาก่อน (Kartra คือ Marketing Platform ระดับแนวหน้าตัวนึงของโลก)
ชุดเครื่องมือทางการตลาดของ GrooveFunnels มีแพลตฟอร์มในรูปแบบต่างๆให้เลือกใช้มากกว่า 20 แบบ แต่เนื่องจากเป็นช่วง Beta ผมจึงขออธิบายเฉพาะส่วนที่จำเป็นต้องใช้งานจริงเท่านั้น
ซึ่งมี 3 แพลตฟอร์มดังต่อไปนี้ครับ…
- GroovePages แพลตฟอร์มสร้างหน้าขายออนไลน์
- GrooveSell แพลตฟอร์มประมวลการขายอัจฉริยะ
- GrooveMail แพลตฟอร์มอีเมล์สร้างธุรกิจให้ยั่งยืน
เจาะลึก GrooveFunnels แพลตฟอร์มไหนใช้งานอย่างไร?
ถึงแม้ตอนนี้หลายแพลตฟอร์มจะอยู่ในช่วงทดลองใช้งาน (Beta) แต่ถ้าใช้งานกันจริงๆ เพียงแค่ GroovePages, GrooveSell, และ GrooveMail ก็สามารถช่วยให้คุณประสบความสำเร็จกับธุรกิจออนไลน์ได้ไม่ยากแล้วครับ
ดังนั้นเพื่อไม่เสียเวลา เรามาเริ่มกันที่ GroovePages กันเลยดีกว่า…
GroovePages แพลตฟอร์มสร้างหน้าขายออนไลน์
GroovePages คือ แพลตฟอร์มสร้างหน้าเว็บไซต์ที่ใช้การ Drag & Drop (ลากและวาง)
หากคุณเคยใช้ WordPress ก็จะคล้ายกับปลั๊กอินที่ชื่อว่า Elementor
สำหรับ GrooveFunnels แพลนฟรีตลอดชีพ จะสามารถสร้าง GroovePages ได้ทั้งหมด 3 ไซต์ มาพร้อมเทมเพลตอีกหลากหลายรูปแบบ เดี่ยวเรามาดูกันว่าเทมเพลตพวกนี้มีอะไรดี
SneakPeak: ผมแอบได้ยินมาว่าเทมเพลตเหล่านี้ ได้ถูกออกแบบผ่านการทดสอบโดยใช้ “หลักในการทำ CRO (Conversion Rate Optimization)” ซึ่งจะช่วยให้คุณมีโอกาสสร้างยอดขายได้ง่ายขึ้นอีกด้วยนะ เจ๋งสุดๆไปเลย
เริ่มต้นให้กดที่ New Site จะเข้าสู่ขั้นตอนการสร้างไซต์ใหม่ ให้คุณทำการเลือกเทมเพลตที่ต้องการ (สามารถกด Preview ดูก่อนได้ครับ)
แม้จะมีเทมเพลตให้เลือกไม่มาก แต่ทาง GroovePages ได้ออกแบบเทมเพลตเหล่านี้มาเป็นอย่างดี สำหรับใครที่มีประสบการณ์ในการออกแบบเว็บไซต์อยู่แล้ว คุณจะสามารถออกแบบเว็บไซต์ให้เป็นเว็บไซต์ที่สมบูรณ์ (Complete Site) ได้ไม่ยากเลย
มาถึงส่วนที่สนุกที่สุดในการออกแบบเว็บไซต์ นั่นก็คือส่วนปรับแต่งเทมเพลต จะสังเกตเห็นว่าเราสามารถออกแบบเว็บไซต์เสมือนจริงโดยใช้ Visual Site Builder ที่ทำให้การสร้างเว็บไซต์ง่ายเหมือนวาดภาพ
แถบด้านซ้ายจะมีเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยในการออกแบบเพียงแค่ “คลิก, ลาก และวาง” เท่านั้น จากประสบการณ์ของผมที่เคยใช้งาน Visual Site Builder มาหลายตัว ต้องยอมรับว่า GroovePages ทำได้สะอาดตาและน่าใช้งานมากครับ
สำหรับแถบด้านซ้ายจะประกอบไปด้วย Blocks, Elements, Pages, Funnels, Popups และ Stats ถึงจะมีฟังก์ชั่นไม่มากเท่า Plugins ต่างๆ บน WordPress แต่ผมมองว่าเพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่สมบูรณ์แบบได้แล้วครับ
และสำหรับใครที่เริ่มคุ้นมือกับการใช้งาน GroovePages ผมกล้าพูดเลยว่าการออกแบบเว็บไซต์จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ตัวจัดการในส่วนของ Blocks และ Elements ในมุมมองของผมถือว่าทำได้ดีฟังก์ชั่นใช้งานครบเครื่อง ไม่มากและไม่น้อยเกินไป ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจหลักการออกแบบได้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้น
แต่อาจจะมีบางฟังก์ชั่นที่ยังไม่ค่อยสมบูรณ์ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเพราะอยู่ในช่วง Beta และคาดว่าจะต้องได้รับการปรับปรุงภายหลังอย่างแน่นอน
Pages และ Funnels เป็นส่วนที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณครบองค์ประกอบ โดยเฉพาะส่วนของ Funnels ที่สามารถสร้างหน้าขายในรูปแบบที่เรียกว่า Sales Funnel ซึ่งเป็นอีกตัวแปรสำคัญในการเพิ่มยอดขายให้กับคุณ
หากต้องการที่จะออกแบบ Pages และ Funnels ให้ดีที่สุด คุณจำเป็นต้องเข้าใจ “หลักของ Marketing Funnel” และพื้นฐานของการสร้างเว็บไซต์ด้วยครับ
Popups เป็นอีกส่วนที่ผมชอบมาก ปกติแล้วผมใช้ Popups ในการเก็บอีเมล์ ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวเครื่องมือที่เรียกว่า Popup Builders ในตลาดส่วนใหญ่จะไม่ค่อยยืดหยุ่นเท่าที่ควร
แต่สำหรับ Popups ของ GroovePages ผมรู้สึกว่าเขาออกแบบมาได้เหมาะสมและมีความยืดหยุ่น ช่วยให้การสร้างฟอร์มเก็บอีเมล์ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง
Stats เป็นส่วนเอาไว้เก็บสถิติ ออกแบบมาให้อ่านง่ายและดูสะอาดตา หากเปรียบเทียบกับ CMS ยอดนิยมอย่าง WordPress การเก็บสถิติส่วนนี้ ผมขอเทคะแนนให้กับ GroovePages ไปเลยครับ
เพราะว่า Stats เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณทราบปริมาณของ Visitors อย่างชัดเจน จะดูแยกเป็น Page หรือจะดูเป็น Site ก็ทำได้ หรือจะดูแยกตามช่วงเวลาก็ได้เช่นกัน
นอกจากนั้น GroovePages ยังแสดงถึงตัวเลข Bounce Rate ซึ่งช่วยให้เรารู้ถึงพฤติกรรมเบื้องต้นในการใช้งานเว็บไซต์ของ Visitors ทำให้คุณสามารถวัดประสิทธิภาพของหน้าเว็บ และปรับปรุงให้ดีขึ้นได้
สรุปส่วนท้าย GroovePages
ถึงแม้ GroovePages จะออกแบบเทมเพลตมาให้เแล้วก็ตาม แต่ธุรกิจออนไลน์ของแต่ละคนล้วนมีความแตกต่าง ดังนั้นคุณควรจะต้องหัดใช้งานฟังก์ชั่นของ GroovePages ให้เกิดความชำนาญด้วย
สำหรับใครที่ต้องการประหยัดเวลาในการทำเว็บไซต์ แนะนำให้ลองดูส่วนของ Complete Sites และ Funnels ซึ่งมีข้อจำกัดก็คือ คุณจะต้องใช้แพลน Upgrade Lifetime เท่านั้นครับ
แต่หากคุณเป็นมือใหม่ ผมแนะนำให้เลือก FREE Lifetime Plan เพื่อทดลองใช้งานก่อนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ต่อไปเรามาดูอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่น่าสนใจอย่าง GrooveSell กันครับ
GrooveSell แพลตฟอร์มการขายอัจฉริยะ
คุณจะสร้างช่องทางการขายไม่ได้เลยหากไม่มี “แพลตฟอร์มการขาย” และนั่นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกิด “GrooveSell – แพลตฟอร์มการขายอัจฉริยะ” นี้ขึ้นมาครับ
GrooveSell คือแพลตฟอร์มสำหรับการขาย เทียบได้กับ Shopping Cart Platform อย่างเช่น SamCartThriveCart, และ PayKickStart เป็นต้น
ต้องบอกว่า GrooveSell เป็นแพลตฟอร์มการขายที่ผมชอบมากที่สุด เพราะมีเมตริกที่น่าสนใจและมีความสำคัญต่อการขายอยู่มากมาย เช่น การวัดค่ายอดขาย, วัดผลกำไร, ค่าคอมมิชชั่นจาก Affilites, และ EPC เป็นต้น
โดยเฉพาะ EPC หรือ Earnings Per Click เป็นเมตริกที่ชัดเจนที่สุดเกี่ยวกับการขาย ซึ่งจะบอกคุณว่ารายได้ต่อการคลิก 1 ครั้งของลูกค้ามีมูลค่าเท่าไหร่ ช่วยให้สามารถคำนวณค่าโฆษณาและประสิทธิภาพของการขายได้ดีมากครับ
คุณยังสามารถดูสลับไปมาระหว่างเมตริกต่างๆ ได้หลายรูปแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับธุรกิจออนไลน์ ผมอยากจะบอกว่าแพลตฟอร์มการขายลักษณะแบบนี้ หาได้ยากมากในปัจจุบัน ถึงจะมีแต่ราคาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ GrooveSell ยังมีรายงานการทำธุรกรรม (Reporting) ในรูปแบบตาราง ให้คุณเห็นถึงรายละเอียดต่างๆ ได้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะส่วนของ Failed Rebills Transaction ที่จะช่วยเรียกคืนยอดขายที่หายไปของคุณได้
ในการที่จะเห็นตัวเลขการขายได้นั้นคุณจำเป็นต้องสร้างยอดขายจริง แต่ในที่นี้ผมขอยกตัวอย่างการเปิดใช้งาน GrooveSell แบบพอสังเขปเท่านั้น
ขั้นตอนแรกให้คุณไปที่ Product Funnels เลือกที่ New Product Funnel ตั้งค่าต่างๆ ให้เรียบร้อย คลิกที่ Create Product Funnel หลังจากนั้นให้คลิกที่ +Product คุณจะเข้าสู่ขั้นตอนของการสร้าง Sales Funnels
และจะได้เจอกับหน้า Create Product ในส่วนของ Frontend Product จะใช้สำหรับสินค้าหลัก และ Upsell/Downsell ใช้สำหรับสินค้ารอง ในเบื้องต้นผมขอแนะนำให้เลือก Frontend Product ก่อนครับ
หลังจากนั้นให้คลิกที่ Pricing ส่วนของ Type จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 แบบดังนี้
- One-time – ชำระเงินแบบครั้งเดียว
- Recurring – ชำระเงินแบบต่อเนื่องแบ่งเป็นรายสัปดาห์ รายเดือนหรือรายปีก็ได้
- Installments – คล้ายกับแบบ One-time แต่เป็นการผ่อนชำระเงิน
- Recurring Installments – คล้ายกับแบบ Recurring แต่เป็นการผ่อนชำระเงิน
สำหรับผมมองว่าการชำระเงินแบบ Installments คืออีกหนึ่งไม้เด็ดของ GrooveSell เพราะว่าในแพลตฟอร์มเดียวกัน ยังไม่ค่อยมีคู่แข่งที่ให้ฟังก์ชั่นนี้ในราคาแบบนี้มาก่อน
และยังมีฟังก์ชั่น Enable Trial เอาไว้ทดลองซื้อสินค้าก่อนซื้อจริงอีกด้วย ครบเครื่องเรื่องการขายจริงๆ
แต่สำหรับคนที่พึ่งเริ่มต้นกับ GrooveSell ผมแนะนำให้เลือกเป็นแบบ One-time เพื่อศึกษาการทำงานของระบบก่อนครับ
หลังจากที่เลือกในส่วนของ Pricing เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเข้าสู่การเลือก Gateways โดยทาง GrooveSell มีเกตเวย์ให้เราเลือกหลายรูปแบบ เช่น PayPal, Stripe และ GroovePay เป็นต้น
ที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็น GroovePay เพราะมีการเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Paypal และ Stripe ว่าดีกว่าและประหยัดกว่า ตอนนี้ผมเองก็ไม่กล้าฟันธง คงต้องทดลองใช้งานดูซักระยะก่อน ไว้ได้เรื่องยังไงผมจะมาทำบทความรีวิวอีกครั้งนะครับ
มาในส่วนของ Content คุณจะเจอกับ Sale Page, Thank You Page, Refund Period และ Support Info ซึ่งต้องทำการวาง URL ลงไป
- Sale Page คือ หน้าเว็บไซต์ที่แสดงสินค้าหลัก
- Thank You Page คือ หน้าแสดงความขอบคุณหลังจากมีการซื้อสินค้า
- Refund Period คือ ช่วงเวลารับประกันสินค้า แนะนำเป็น 30 หรือ 90 วัน
- Support Info คือ รายละเอียดในการดูแลลูกค้า (เลือกแบบอีเมล์ก่อนได้ครับ
หมายเหตุ: URL ได้มาจากการสร้างในส่วนของ GroovePage ซึ่งหมายความว่าคุณต้องไปสร้าง 2 หน้าหลักก็คือ Sale Page และ Thank You Page ก่อนครับ
ต่อไปเรามาดูในส่วนของ Checkout กันครับ ในส่วนนี้จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบหน้า Checkout ได้หลากหลาย
ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบฟังก์ชั่น Checkout เพราะจากประสบการณ์หน้า Checkout มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้ามากครับ
เพราะว่าหน้า Checkout ที่ออกแบบได้ดี ง่าย รวดเร็ว และเหมาะสมกับสินค้า จะช่วยปิดการขายได้ง่ายยิ่งขึ้น
ถึงแม้ในตอนนี้ Checkout ของ GrooveSell จะมีหลายฟังก์ชั่นที่ยังทำงานไม่สมบูรณ์ แต่ผมอยากแนะนำให้ทดลองและเรียนรู้การใช้งานดูก่อนครับ
มาถึงส่วนของ Bumps เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่หาได้ยากในแพลตฟอร์มที่คล้ายกัน ข้อดีของ Order Bumps คือจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับคุณได้ โดยสินค้าที่จะขายใน Bumps ต้องเป็นสินค้าที่ใช้ร่วมกับสินค้าหลักได้ จะทำให้ขายง่ายที่สุด
และส่วนที่ทำให้ Bumps น่าสนใจก็คือคุณต้องนำเสนอว่าสินค้าใน Bumps จะไม่มีขายในหน้า Sale Page หรือ Upsell/Downsell จะต้องซื้อผ่านสินค้าหลักเท่านั้น เป็นข้อเสนอเชิงบังคับว่าหากคุณไม่ซื้อตอนนี้ ก็จะไม่มีขายให้แล้วนะ
แนะนำให้คุณทดลองเล่นฟังก์ชั่น Bumps ให้มาก เพราะนี่คือส่วนสำคัญที่จะทำให้รายได้ของคุณเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่า!
ต่อไปเรามาดูส่วนของ Funnel ในส่วนนี้คุณจะต้องเพิ่ม URL ที่เป็นหน้า Thank You Page หรือ Upsell Page ส่วนใหญ่แล้วทั้ง 2 หน้านี้จะอยู่ในรูปแบบของ One-Time Offers เรียกแบบย่อว่า OTO หมายถึง ข้อเสนอพิเศษที่จะมีให้แค่ครั้งเดียว
ซึ่ง OTO อาจอยู่ในรูปแบบสินค้าปกติที่จับมาลดราคาพิเศษเพื่อทำ Upsell ซึ่ง Upsell Page จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าหลักในหน้า Sale Page เท่านั้น
วิธีแบบนี้จะช่วยให้เกิดยอดขายได้ง่ายกว่าปกติ เพราะจะใช้จิตวิทยาอยู่ 2 แบบคือในเรื่องของ OTO ที่เป็นราคาพิเศษซึ่งมีข้อจำกัด และเรื่องของการเปิดใจซื้อที่จะทำให้เกิดการตัดสินใจซื้ออย่างต่อเนื่อง
และที่สำคัญ Funnel ยังสามารถติด Advanced Tracking Code ได้อีกด้วย ดังนั้น Funnel ใน GrooveSell จึงเป็นอีกส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มรายได้ของคุณ
ผมขอข้ามส่วนของ Fullfillment ไปก่อนนะครับ เพราะว่าส่วนนี้ผมมองว่าไม่เกี่ยวข้องกับยอดขายมากเท่าไหร่ หรือใครสนใจสามารถทดลองใช้งานได้ตามสะดวกเลยครับ
ผมจะขอไปอธิบายส่วนของ Affiliates เลยแล้วกัน ส่วนนี้เรียกได้ว่าจะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดย Affiliates ถ้าอธิบายกันง่ายๆ ก็คือพันธมิตรหรือนายหน้าขายของให้กับคุณนั่นเอง
วิธีการคือให้คุณเปิด Active Affiliate Program เพื่อให้คนที่สนใจอยากขายสินค้าเข้ามาสมัครสมาชิก เมื่อขายได้ระบบก็จะตัดจ่ายค่าคอมมิชชั่น ฟังก์ชั่นนี้มีทั้งแบบ Percent และ Fixed สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของธุรกิจ
โดยปกติแล้วถ้าเป็นสินค้าแบบจับต้องได้จะตั้งค่าคอมมิชชั่นอยู่ที่ 5-20% แต่หากเป็นสินค้าแบบดิจิทัลจะอยู่ที่ 30-90% กันเลยทีเดียว
ผมขอขยายความส่วน Affiliates ที่บอกเอาไว้ว่าจะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ได้หมายถึงจะได้ยอดขายถล่มทลายนะครับ เพราะคุณต้องแบ่งรายได้ให้กับพันธมิตรด้วย แต่สิ่งที่จะได้มากกว่านั้นก็คือฐานลูกค้าหรือ Mailing Lists ซึ่งผมจะขออธิบายในหัวข้อถัดไปในส่วน GrooveMail ครับ
ส่วนสุดท้ายก็คือ Proof เกี่ยวกับการแสดงความน่าเชื่อถือให้กับกลุ่มเป้าหมายได้เห็นว่าสินค้าของคุณช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในการใช้งานอย่างไรบ้าง
หลังจากที่คุณตั้งค่าครบทุกขั้นตอนให้คลิกที่ 11.Finish ระบบจะขึ้นว่า Congratulations และให้ Tracking Link ถือเป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับการสร้าง Sales Funnel ให้กับสินค้าที่คุณเลือกเอาไว้ พร้อมที่จะนำไปโปรโมทได้แล้วครับ
สรุปส่วนท้าย GrooveSell
หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มการขายที่ดีที่สุดในตอนนี้ ผมคงต้องบอกว่า GrooveSell คือหนึ่งในทางเลือกที่คุณต้องลอง และถ้าเปรียบเทียบเป็นอาหารก็ต้องบอกว่า GrooveSell ถึงเครื่องจริงๆ
GrooveMail แพลตฟอร์มอีเมล์สร้างธุรกิจให้ยั่งยืน
GrooveMail คือ ส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณมั่นคงและยั่งยืน
หากมองเผินๆการเก็บอีเมล์คงจะดูเป็นเรื่องพื้นฐานที่ใครก็รู้จัก แต่สำหรับนักการตลาดออนไลน์ที่เคยศึกษาศาสตร์เกี่ยวกับ Email Marketing จะเข้าใจเลยว่า GrooveMail มีฟังก์ชั่นที่ไม่ธรรมดา
โดยในส่วนของแดชบอร์ดมีการแสดงค่าอย่างเช่น การเปิดอีเมล์, การคลิกเนื้อหาในอีเมล์ และ แบบฟอร์มที่มีการกรอกผ่านอีเมล์ ซึ่งเป็นค่าพื้นฐานปกติที่ต้องมี
มาในส่วน Leads จะแสดงเกี่ยวกับรายชื่ออีเมล์ของกลุ่มเป้าหมาย คุณยังสามารถสร้าง Lists เพื่อแยกกลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของการเก็บอีเมล์ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณจัดการรายชื่ออีเมล์ได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนต่อไปคือ Tags & Segments การสร้าง Tags จะช่วยให้คุณรู้พฤติกรรมของคนในรายชื่ออีเมล์ว่าเขาทำอะไรไปบ้าง และยังสามารถจับกลุ่มคนในรายชื่อที่มีพฤติกรรมคล้ายๆกันด้วยการใช้ฟังก์ชั่น Segments อีกด้วย
จะเห็นว่า GrooveMail ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการจัดการกลุ่มรายชื่ออีเมล์มากเป็นพิเศษ และนี่คืออีกหนึ่งข้อดีที่ผมต้องกดไลค์ให้กับ GrooveMail
มาดูในส่วนของ Campaign กัน
แบบที่หนึ่งเรียกว่าการทำ Broadcasts ซึ่งจะส่งอีเมล์ไปหาคนในรายชื่อในจำนวนมากๆ ภายในครั้งเดียว
แบบที่สองเรียกว่าการทำ Sequences คือการส่งอีเมล์ไปหาคนในรายชื่อแบบตั้งเวลาตามวันที่กำหนด
ส่วนตัวผมจะใช้แบบ Sequences เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคนในรายชื่อและใช้เพื่อปิดการขาย ส่วนแบบ Broadcasts ผมจะใช้เฉพาะเวลาแจ้งข่าว อัพเดทบทความใหม่ หรืออัพเดทโปรโมชั่นเท่านั้น
ต่อไปเรามาดูส่วนของ Automations บอกเลยว่าส่วนนี้คือ “ท่าไม้ตาย” ของการทำ Email Marketing เลยก็ว่าได้ครับ
ตัวผมเองมีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้งาน Email Marketing Platform พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ActiveCampaign, MailChimp, Aweber, Getresponse และล่าสุดคือ Convertkit ทุกแพลตฟอร์มล้วนมีข้อดีข้อเสียเป็นของตัวเองทั้งสิ้น
แต่สำหรับ Automations ของทาง GrooveMail เหมือนกับว่าเขาพยายามหยิบเอาข้อดีของแต่ละแพลตฟอร์มมารวมกัน ซึ่งจะเน้นไปที่เรื่องของการบริหารจัดการรายชื่ออีเมล์และการรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจเป็นหลัก
หากผมจะอธิบายการทำงานของ Automations ให้ละเอียดกว่านี้ คงจะต้องเจอกันในบทความต่อไป เพราะเรื่องนี้ต้องคุยกันยาวมาก
แต่ขอสรุปสั้นๆ ไว้ก่อนว่า Automations คือหัวใจหลักของ GrooveMail และเป็นตัวชี้วัดการเติบโตในธุรกิจออนไลน์อย่างแท้จริง
ที่เหลือจะเป็นส่วนของ Forms ซึ่งเอาไว้สร้างแบบฟอร์มอีเมล์ ส่วนของ Setting เอาไว้ตั้งค่าการส่งอีเมล์ และ Analytics เพื่อดูสถิติความเคลื่อนไหวของคนในรายชื่ออีเมล์ ทั้ง 3 ส่วนนี้ล้วนเป็นพื้นฐานทั้งสิ้นผมจึงไม่ขอลงรายละเอียดมากนะครับ
สรุปส่วนท้าย GrooveMail
ส่วนตัวผมชอบฟังก์ชั่นทั้งหมดของ GrooveMail ต้องยอมรับเลยว่าออกแบบมาได้ดีมากๆ ติดอยู่แค่ว่าตอนใช้งานจริงแบบยาวๆ จะมีปัญหาอะไรหรือไม่เท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องของราคาหากเป็นในช่วง Beta ก็ต้องบอกเลยว่าสุดคุ้มไม่ว่าจะเป็น Upgrade Lifetime ที่คุณสามารถจ่ายเงินครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชีพ ซึ่งคุณจะได้ทั้ง GrooveMail และแพลตฟอร์มอื่นๆอีกกว่า 20 แพลตฟอร์ม
โดยปกติ Email Marketing Platform ที่ให้ฟังก์ชั่นขนาดนี้ส่วนมากจะต้องจ่ายรายเดือน และหากคุณมีรายชื่ออีเมล์ 10,000 รายชื่อขึ้นไป คุณจะต้องจ่ายเดือนละไม่ต่ำกว่า $500 อย่างแน่นอน
สรุปฟังก์ชั่นของ GrooveFunnels น่าใช้งานหรือไม่?
อันที่จริงสำหรับช่วง Beta ผมอยากแนะนำให้คนที่สนใจ GrooveFunnel ไปลองศึกษา GroovePages, GrooveSell และ GrooveMail เอาไว้ก่อน หากคุณสามารถเข้าใจและใช้งาน 3 ส่วนนี้ได้อย่างชำนาญรับรองเลยว่ายังไงยอดขายก็เพิ่มครับ
แต่ก็ใช่ว่า GrooveFunnels จะมีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจเพียงเท่านี้ สำหรับใครที่อยากทำระบบสมาชิกก็มี GrooveMember หรือใครอยากเปิดเป็นแบบอีคอมเมิร์ซก็มี GrooveKart หรือใครที่ไม่มีสินค้าแต่อยากหาค่าคอมมิชชั่นก็มี GrooveAffiliate
และยังมีแพลตฟอร์มที่รอเปิดตัวอีกมากกว่า 20 แพลตฟอร์ม คอนเซปของแต่ละแพลตฟอร์มบอกเลยว่าสุดจัดจริงๆ ใครไม่อยากพลาดของดีให้รอติดตาม GrooveFunnel ได้เลยครับ
เหตุผลที่คุณต้องเลือกใช้แพลตฟอร์ม GrooveFunnels
1. มีแพลนให้ใช้งานฟรีตลอดชีพ
เหตุผลแรกที่ผมชอบมากที่สุดเลยก็คือ Free Lifetime Plan ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใช้งานในส่วนของ GroovePages และ GrooveSell ได้ โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว!
อย่างที่ผมบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า เพียงแค่ GroovePages และ GrooveSell ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเริ่มต้นสร้างธุรกิจออนไลน์
ยังไม่นับรวมแพลน Upgrade Lifetime ที่จะช่วยให้คุณใช้งานเครื่องมือทั้งหมดของ GrooveFunnels ได้อย่างเต็มที่ เพียงแค่จ่ายเงินครั้งเดียวเท่านั้น
ใครที่อยากลุงทุนกับธุรกิจออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ให้คุณอัพเกรดแพลนได้เลยครับ รับรองว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว แต่ถ้ายังไม่แน่ใจอยากทดลองใช้งานแพลนฟรีก็ไม่มีอะไรเสียหายครับ
2. มีโปรแกรม Affiliate และ JV ที่น่าสนใจ
แพลตฟอร์มของ GrooveFunnels ได้ออกแบบโปรแกรม Affiliate และ JV ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญระบบได้ผูกโปรแกรมนี้ของทุกคนที่ใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม GrooveFunnels เอาไว้ด้วย
ซึ่งข้อดีก็คือหากมีธุรกิจใดที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกับคุณ แทนที่จะเป็นคู่แข่งทางการค้า คุณอาจจะเข้าไปทำ Affiliate หรือ JV กับธุรกิจนั้นแทนก็ได้ ซึ่งหากมีหลายธุรกิจที่อยู่ในหมวดหมู่เดียว ก็จะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์เหล่านั้นสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ปล. JV หรือ Joint Venture คือ การทำการค้าร่วมกัน เช่น หากคุณทำธุรกิจขายเสื้อยืด อาจสามารถขอทำ JV กับธุรกิจขายกางเกง เป็นต้น ซึ่งหากจะทำ JV ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สินค้าเหล่านั้นจำเป็นจะต้องอยู่ในหมวดเดียวกัน
เปรียบเทียบกับการทำ Affiliate จะมีความคล้ายกับ JV เกือบทุกอย่าง ต่างกันที่ JV เป็นการร่วมค้าระหว่าง “ธุรกิจกับธุรกิจ” แต่ Affiliate จะเป็นการร่วมค้าแบบ “ธุรกิจกับนายหน้าออนไลน์” ซึ่งรูปแบบผลตอบแทนที่ได้รับก็จะแตกต่างกันด้วย
3. มีกลุ่มเครือข่าย Social ขนาดใหญ่
เมื่อพูดถึงธุรกิจออนไลน์คุณจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มเครือข่ายต่างๆ ยิ่งเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะช่วยแบ่งปันไอเดียและแก้ไขปัญหาในธุรกิจของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น
สำหรับ GrooveFunnels มีกลุ่มเครือข่ายในรูปแบบของ Facebook Group ขนาดใหญ่ มีผู้ใช้งานอยู่ในกลุ่มนี้มากกว่า 100,000 คนในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยแบ่งปันประสบการณ์ทำธุรกิจออนไลน์ที่หลากหลายให้กับคุณได้
คนที่จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้จำเป็นต้องสมัคร Free Lifetime Plan หรือต้องจ่ายเงินเพื่ออัพเกรดเป็น Upgrade Plan สมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มของ GrooveFunnels ล้วนเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจและกำลังก้าวเข้าสู่ระบบออนไลน์
ดังนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีมาก หากคุณใช้แพลตฟอร์มของ GrooveFunnels และสามารถเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ได้แบบฟรีๆ (ในต่างประเทศกลุ่มลักษณะแบบนี้มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น)
4.มีการปรับปรุงแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง
การใช้งาน GrooveFunnels ในช่วง Beta ต้องยอมรับว่ายังมีส่วนที่ไม่ค่อยสมบูรณ์อยู่มาก แต่จุดที่ทำให้ผมประทับใจนั่นก็คือ ทีมงานมีการปรับปรุงแก้ไขแพลตฟอร์มอย่างรวดเร็ว และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้งาน
หากคุณเข้ามาอยู่ในระบบจะพบว่ามีส่วนที่ไม่สมบูรณ์อยู่มาก แต่ก็ได้รับการแก้ไขในทุกสัปดาห์ ทำให้ผมเห็นว่าทุกส่วนกำลังขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ทำให้ผมเป็นอีกหนึ่งคนที่ตั้งตารอฟีเจอร์ใหม่ๆ ของทาง GrooveFunnels ที่จะมาอัพเดทให้ได้ใช้งานในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีส่วนสำหรับให้ผู้ใช้อย่างพวกเราส่งความคิดเห็นและลงคะแนนเกี่ยวกับฟีเจอร์ของทาง GrooveFunnels อีกด้วย ซึ่งผมชอบส่วนนี้มากๆ ครับ
ข้อเสียของ GrooveFunnels ที่ต้องปรับปรุง
1.ตัวแก้ไข GroovePages ที่ยังไม่สมบูรณ์ 100%
ผมเข้าใจดีว่านี่คือช่วง Beta ของ GrooveFunnels ซึ่งผมคอยย้ำในบทความนี้อยู่เสมอ และยอมรับว่าทั้งเทมเพลต การออกแบบ และการสร้างหน้าต่างๆ ของ GroovePages ทำได้ดีจนผมเองต้องยกนิ้วให้
แต่สิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากเมื่อใช้ไประยะเวลาหนึ่ง ก็คือจุดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ตัวอักษรที่ชอบทับซ้อนกัน การลาก&วางส่วนต่างๆ ที่ไม่เป็นดั่งใจนึก เป็นต้น นั่นคือสิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับผมในตอนนี้ และหวังว่าจะได้รับการแก้ไขโดยเร็ว
2.แพลตฟอร์มต่างๆ ยังออกแบบได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ความคิดเห็นสุดท้ายสำหรับ GrooveFunnels
ถึงแม้ว่านี่จะเป็น Beta ของ GrooveFunnels และยังมีฟังก์ชั่นอีกหลายส่วนที่ไม่สมบูรณ์ รวมไปถึงอีกหลายแพลตฟอร์มที่ยังไม่มีการอัพเดท
แต่หากนำไปหักลบกลบหนี้กับการเปิดให้สมัครสมาชิกเพื่อใช้งานฟรีตลอดชีพ ก็ต้องบอกตรงๆว่าผมขอเลือกของฟรีไว้ก่อนครับ
และสุดท้ายนี้ สิ่งทำให้ผมมั่นใจ GrooveFunnels มากที่สุดก็คือ…
- ความขยันขันแข็งของทีมงาน ที่คอยปรับปรุงแก้ไขแพลตฟอร์มอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เห็นว่าข้อเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะต้องหายไปแน่นอน
- กลุ่ม Facebook Group ที่มีสมาชิกมากกว่า 100,000 คน ต้องมีอะไรบางอย่างที่ให้คนในกลุ่มมั่นใจ GrooveFunnels ได้มากขนาดนี้
- Mike Filsaime หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง GrooveFunnels และได้เคยพิสูจน์แล้วว่าเขาสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมใน Kartra ผมจึงกล้าเดิมพันได้เลยว่าเขาก็จะต้องทำแบบนั้นได้อีกครั้งอย่างแน่นอน
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ผมกล้าพูดเลยว่าไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าคุณจะทดลองใช้งานฟรีเพียงแค่คลิกสมัครผ่าน Free Lifetime Plan ที่ปุ่มด้านล่างนี้ เพื่อเข้าไปใช้งานและตัดสินใจด้วยตัวคุณเอง
ส่วนใครที่มีคำถามก็มาคอมเม้นท์คุยกันด้านล่างนี้ได้เลยครับ 🙂
ขอบคุณครับ
Ruth (Internet Marketing Strategist) Ploysupa
Konvertive – Delivering Your Business Conversions with Digital Marketing