ทุกวันนี้... คุณรู้พฤติกรรมลูกค้าออนไลน์ของคุณมากพอแล้วหรือยัง?
ผมเชื่อว่าในตอนนี้คุณได้นำ Google Analytics มาใช้ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของคนที่เข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณอยู่แล้ว
คุณสามารถที่จะรู้ได้ว่า… คนเข้ามาที่เว็บไซต์กี่คน? เข้ามาอ่านเนื้อหาหน้าไหนมากที่สุด? เข้ามาแล้วทำรายการสั่งซื้อจนสำเร็จกี่คน? ฯลฯ
แต่รู้หรือไม่ว่า ก่อนที่คุณจะสามารถวัดผลต่างๆ ที่ Google Analytics นั้น คุณจะต้องทำการเตรียม Data ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อน ก่อนที่คุณจะทำการส่งค่า Data ต่างๆ นั้น เข้ามาที่ฝั่งของ Google Analytics เพื่อทำการวิเคราะห์ต่อไป
คุณถึงจะมั่นใจได้ว่า ข้อมูลต่างๆ ที่คุณเห็นใน Google Analytics นั้นสามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจได้
คุณอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า “Garbage In, Garbage Out” คือไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าการนำข้อมูลที่ผิดๆ แล้วเอาไปใช้ในการตัดสินใจ
และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ…
คุณไม่มีข้อมูลที่จะนำมาใช้ในการตัดสินใจเลยตั้งแต่แรก ทั้งๆ ที่ข้อมูลที่ว่ามีอยู่ตรงหน้าของคุณ (เพียงแต่ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่รู้วิธีที่จะนำมาใช้แค่นั้นเอง)
ผมขอแนะนำเครื่องมือที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ เครื่องมือที่จะช่วยทำให้เรื่องของการเก็บ Data ต่างๆ ที่อยู่บนเว็บไซต์ของคุณนั้น ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และครบถ้วนมากขึ้น เพื่อนำมาใช้ช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจออนไลน์ของคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำงานอยู่ฝ่าย IT หรือว่าเป็น Web Developer เลยก็ตาม
เครื่องมือที่ว่าก็คือ Google Tag Manager (เรียกสั้นๆ ว่า GTM)
ขอแนะนำให้รู้จัก Google Tag Manager เครื่องมือฟรี! แต่สุดยอดอีกตัวจากทาง Google ครับ
เครื่องมือที่จะช่วยทำให้คุณสามารถเก็บ Data ต่างๆ ที่เกิดจากการใช้งานของคนที่เข้าเว็บไซต์ของคุณ เพื่อนำเอา Data เหล่านั้นมาวิเคราะห์ผ่านทาง Google Analytics ที่คุณคุ้นเคย แล้วนำไปปรับปรุงธุรกิจออนไลน์ของคุณให้ดียิ่งขึั้นได้ต่อไป
อีกทั้งเป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้ในการส่งค่าตัวแปร Conversions ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ กลับไปยังแพลตฟอร์มโฆษณาต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น Google Ads, Facebook Ads, LINE Ads, TikTok Ads และอื่นๆ
ทำไมถึงต้องใช้ GTM?
มีลูกค้าผมถามว่า “ทำไมถึงต้องใช้ GTM ในเมื่อทุกวันนี้ก็ติด Google Analytics ไว้ที่เว็บไซต์อยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ?”
คือจริงๆ แล้วคุณไม่ต้องใช้ GTM ก็ได้นะครับ ถ้าคุณอยากจะรู้แค่ว่า มีคนเข้าเว็บเท่าไหร่? มีคนเปิดดูเว็บหน้าไหนมากที่สุด? ซึ่งจะเป็นคำถามพื้นฐานทั่วๆ ไปที่คุณสามารถหาคำตอบได้จาก Google Analytics อยู่แล้ว
แต่ถ้าคุณอยากจะรู้พฤติกรรมของคนที่ใช้งานเว็บไซต์ของคุณที่นอกเหนือไปจากนี้ ไม่ว่าจะเป็น…
- มีคนคลิกที่ปุ่มสั่งซื้อกี่คน มีคนทำรายการสั่งซื้อกี่คน
- มีคนกดปุ่ม Add LINE เพื่อติดต่อคุณกี่คน
- มีคนเลื่อนเมาส์เพื่ออ่านเนื้อหาของคุณจนจบเลยหรือเปล่า
- มีคนกดปุ่มเพื่อดูคลิปวีดีโอแนะนำสินค้าของคุณมั๊ย
- มีคนดูคลิปจนจบเลยหรือเปล่า หรือดูมากกว่า 50% ของความยาวคลิปกี่คน?
- ฯลฯ
การที่คุณจะรู้ข้อมูลเหล่านี้ได้นั้น คุณจะต้องมีการส่ง Data ที่ต้องการไปให้ Google Analytics ก่อน คุณถึงจะเห็นข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ใน Google Analytics ได้ครับ
คือแค่ติด Google Analytics Code อย่างเดียวไม่พอ! มันมีอะไรมากกว่านั้น (ภาษาเทคนิคเรียกกันว่า “การทำ Event Tracking” นั่นเอง)
อีกเคสนึงลูกค้าถามผมว่า “ตอนนี้ที่เว็บมีการติดตั้ง Facebook Pixel เอาไว้ ถ้าจะเปลี่ยนมาใช้ GTM ต้องทำยังไง?”
ผมเลยถามกลับไปว่า “แล้วตอนติด Facebook Pixel ทำยังไงครับ?”
“ผมก็ให้คนที่ทำเว็บไซต์ช่วยติดให้ แต่พอดีช่วงนี้เค้าไม่ค่อยว่างครับ นี่ผมก็รอให้เค้าช่วยติด Tag Conversion ของ Facebook ให้ผมเพิ่ม แต่ก็ต้องรอคิวเค้าอยู่อ่ะครับเนี่ย เสียเงินค่าโฆษณาให้กับ Facebook ไปก็หลายบาทแล้ว แต่ไม่ได้ข้อมูล Conversions กลับมาเลยครับเนี่ย เซ็งมากๆ นี่ผมกะว่าจะไปทำเอง แต่ก็กลัวเว็บไซต์จะเสียหายอีก” ลูกค้าผมตอบ
ผมก็เลยเสนอลูกค้ารายนั้นไปว่า “คุณจะไม่เจอปัญหาพวกนี้เลย ถ้าให้คนที่ทำเว็บให้คุณติดตั้ง Code ของ GTM ตั้งแต่ทีแรกครั้งเดียว แล้วหลังจากนั้น คุณสามารถที่จะใส่ Codes หรือว่า Tags ต่างๆ เพิ่มเติมได้เอง โดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลารอให้ทาง IT หรือว่าพวก Web Developer มาติดให้”
“อีกทั้งเรื่องการใช้ Tag Manager นั้น ควรจะถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำเว็บไซต์ ที่พวกเค้าควรจะนำมาใช้ให้กับลูกค้าทุกราย แทนที่จะติดตั้งแค่ Code ของ Google Analytics หรือว่า Facebook Pixel เข้าไปที่เว็บไซต์ลูกค้าง่ายๆ แบบนั้น”
“อีกอย่าง! แค่การติด Facebook Pixel ไม่ได้หมายความว่า โฆษณาของคุณจะทำงานได้ดีแล้ว คุณยังต้องทำในเรื่องของ Custom Event ต่างๆ เพิ่มเติมด้วยนะครับ แคมเปญโฆษณา Facebook ของคุณถึงจะดีขึ้นได้” ผมเสริมเข้าไปอีก
นี่เป็นแค่บางส่วนที่ผมเจอจากการที่ผมได้คุยกับลูกค้ามาครับ
อีกเคสนึงที่น่าสนใจก็คือ มีลูกค้าผมคนนึงที่เริ่มจากการเรียน “คอร์ส Google Analytics Mastery (GAM)” ทีนี้พอเรียนเสร็จ สิ่งที่น้องเค้าถามก็คือ “พี่วี ผมมีเว็บ Ecommerce แต่ไม่รู้ว่าทำไมข้อมูลในส่วนของ Enhanced Ecommerce มันไม่มีตัวเลขหรือว่ารายงานต่างๆ มาแสดงให้ผมเห็นเลยครับ?”
คือการมีเว็บไซต์ Ecommerce แต่ไม่รู้วิธีการวัดผล Enhanced Ecommerce ที่ Google Analytics รู้แค่ว่าต้องมีตัวแปร Data Layer นู่นนี่นั่นส่งไปให้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปเอาค่าตัวแปรต่างๆ เหล่านี้มาจากตรงไหนในเว็บไซต์
แล้วยิ่ง Google Analytics 4 ออกมาใหม่ด้วย ก็ยังไม่รู้วิธีการวัดผล Ecommerce ของ GA4 นี้ด้วยเลย
พอมีน้องๆ หลายคนมาถามผมแบบนี้บ่อยๆ เข้า ก็เลยเป็นที่มาให้ผมสร้าง “คอร์ส Google Tag Manager Mastery (GT2M)” นี้ขึ้นมาเพื่อสอนน้องๆ และคนที่สนใจได้เรียนรู้ไปด้วยกันครับ
ขอแนะนำคอร์สใหม่ล่าสุด “Google Tag Manager Mastery (GT2M)” โดย Konvertive
โดยที่ผมจะสอนให้คุณตั้งแต่เริ่มต้นใช้งาน GTM ไปจนถึงการนำไปใช้วัดผล Conversions ทั้งในส่วนของ Google และ Facebook รวมไปถึง Platform อื่นๆ เพิ่มเติม โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ หรือเป็นคนทำเว็บไซต์ หรือเคยเรียนเขียนโปรแกรมมาก่อน
ผมจะช่วยทำให้คุณแปลงร่างกลายเป็น “นักการตลาดสายเทคนิค (Technical Marketer)” ที่สามารถนำ GTM ไปใช้ในการเก็บข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญๆ บนเว็บไซต์ของคุณแล้วนำไปใช้วิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของคุณต่อไปได้
โดยจะเป็นการสอนแบบทีละขั้นทีละตอน เพื่อให้คุณเห็นทุกซอกทุกมุมที่มีอยู่ใน GTM ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้าง Tags ต่างๆ, การเลือก Triggers มาใช้, การสร้างตัวแปร Variables เพื่อทำการเก็บข้อมูล
รวมไปถึงข้อมูลแบบพิเศษที่เรียกว่า Data Layer เพื่อให้คุณสามารถเก็บข้อมูลได้ครบทุกเม็ดตามที่คุณต้องการ และนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมั่นใจ
พูดง่ายๆ ก็คือถ้าคุณต้องการที่จะเก็บข้อมูลต่างๆ บนเว็บไซต์ให้ครบทุกเม็ด ถูกต้อง มีคุณภาพ ทำได้ง่าย และมีประสิทธิภาพ คอร์ส GT2M ของผมนี้จะช่วยคุณได้อย่างแน่นอนครับ
คอร์สนี้เหมาะสำหรับใคร?
หากว่าคุณทำงานเป็นนักการตลาดออนไลน์ นักวิเคราะห์ข้อมูล นักพัฒนาเว็บไซต์ หรือว่าคุณต้องการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของคนเข้าเว็บไซต์ แล้วนำไปพัฒนาธุรกิจออนไลน์ของตัวเอง เพื่อตอบโจทย์กับสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้มากที่สุด
ในคอร์สนี้จะมีเนื้อหาทุกอย่างที่คุณต้องการ ในการนำ GTM ไปใช้ในการเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณ
คุณจะได้เรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงขั้นที่คุณสามารถนำ GTM ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาธุรกิจของคุณได้อย่างมั่นใจ
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มเรียนรู้การใช้งาน GTM คอร์สนี้จะเป็นคอร์สที่สอนให้คุณเริ่มต้นเรียนรู้ GTM ได้อย่างถูกต้องมากที่สุด
รายละเอียดคอร์ส “Google Tag Manager Mastery (GT2M)”
- Module 1 – ทำความรู้จักกับ GTM
- GTM คืออะไร? ทำไมถึงต้องนำ GTM มาใช้งาน
- ข้อดีและประโยชน์ในการนำ GTM มาใช้พัฒนาการตลาดออนไลน์
- วิธีการติดตั้ง GTM Container บนเว็บไซต์ / ดีกว่าการติดตั้งแบบเดิมๆ ยังไง
- รู้จักกับ Tags, Triggers, Variables, และ Data Layer
- Module 2 – เริ่มต้นใช้งาน GTM
- เริ่มต้นติดตั้ง Tag Google Analytics 4
- การใช้งาน Preview Mode (ในการ Debug การทำงานของ GTM)
- การใช้งาน DebugView ใน Google Analytics 4
- แนะนำเครื่องมือสำหรับการ Debug GTM เวอร์ชั่น Update
- การ Publish Tag / การ Roll Back ไปใช้เวอร์ชั่นเก่า
- การติดตั้ง Tag ต่างๆ โดยใช้ Community Template เช่น Facebook Pixel
- การติดตั้ง Tag แบบ Custom HTML
- Module 3 – รู้จักกับ Data Layer
- Data Layer คืออะไร?
- เทคนิคการดึงข้อมูลที่อยู่ใน Data Layer เพื่อมาใช้งาน
- Module 4 – ลงลึกการเก็บข้อมูลต่างๆ บนเว็บไซต์ (Data Collection) ด้วย GTM
- การเก็บข้อมูล GA4 Enhanced Measurement
- การใช้งาน Auto-Event Tracking
- การทำ Link Tracking เช่น ลิงค์เปิดดูไฟล์ PDF, ลิงค์ออกไปเว็บของคนอื่น (Outbound Links)
- การสร้าง Event Tracking สำหรับปุ่มต่างๆ เช่น Add LINE, Facebook Messenger
- Form Tracking สำหรับแบบฟอร์มต่างๆ เช่น Contact Us, Lead Form
- Scroll Tracking วัดผลการเลื่อนเมาส์ตอนอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์
- Event Tracking ที่แนะนำสำหรับ GA4
- Module 5 – การใช้งาน GTM ในส่วนของ Conversion
- การใช้ GTM สำหรับวัดผล Conversion ที่ GA4
- การใช้ GTM สำหรับสร้าง Custom Events ต่างๆ ของ Facebook Pixel
- การวัดผล Conversion ในส่วนของ Facebook Ads
- Module 6 – การใช้งาน GTM ในส่วนของ Ecommerce
- การสร้าง Data Layer ของสินค้าด้วย GTM
- ติดตั้ง GTM สำหรับ Purchase ใน Facebook
- ติดตั้ง GTM สำหรับ Enhanced Ecommerce Tracking ใน Google Analytics (Universal)
- ติดตั้ง GTM สำหรับ Ecommerce Tracking ใน GA4
- การวัดผลกดปุ่มสั่งซื้อ (Add to Cart)
- การวัดผลการสั่งซื้อ (Purchase)
โบนัสพิเศษ:
ไฟล์ Template สำหรับ Tags, Triggers, Variables, และ Data Layer ที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ (Data Collection) ที่อยู่บนเว็บไซต์ของคุณได้ภายใน 15 นาที เพื่อช่วยทำให้คุณประหยัดเวลาได้มากยิ่งขึ้น
เมื่อคุณลงทะเบียนเรียน GT2M
โดยหลังจากเรียนแล้ว หากว่าคุณมีคำถามต่างๆ เพิ่มเติม ทางผมพร้อมให้ความช่วยเหลือและตอบคำถามผ่านทางกลุ่ม Facebook Group ของพวกเรา
ในแต่ละ Module จะทำการสอนโดยเริ่มจากพื้นฐาน แล้วแบ่งออกเป็นหัวข้อๆ เป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้คุณสามารถเข้ามาทบทวนได้ง่ายๆ และช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว และสามารถนำไปใช้งานได้ทันที
เป็นคอร์สออนไลน์ ดูซ้ำได้ไม่จำกัดเวลา ดูเมื่อไหร่ก็ได้ เข้าดูได้ตลอดชีพ พร้อมกับเนื้อหาใหม่ๆ ที่จะมีการอัพเดทในอนาคต
คอร์สนี้จะเป็นคอร์สที่สอน GTM ที่อัพเดทใหม่ล่าสุดในตอนนี้
ตัวคอร์สที่ผมสอนจะไม่ใช่แค่เป็นคอร์สที่ให้คุณนั่งดูเฉยๆ แต่จะสอนให้เข้าใจตั้งแต่เริ่มต้นเลยครับ คือสอนแบบมีที่มาที่ไป ว่าก่อนจะมีข้อมูลส่งไปให้นั้น คุณจะต้องทำอะไรบ้างที่ GTM
คือเหมือนกับคุณกับผมมานั่งด้วยกัน แล้วก็ดูว่า ผมใช้ GTM สร้าง Tags อะไรต่างๆ ให้กับทางลูกค้าของผม
โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาไปศึกษาเอง “ว่าจะต้องทำอะไรที่เว็บของคุณบ้าง?”
ไม่ว่าจะเป็นการวัดผล Events ต่างๆ เช่น การคลิกปุ่มเพิ่มเพื่อน Add LINE, การคลิกดูคลิป YouTube โปรโมทสินค้า, การเลื่อนเมาส์ (Scroll) เพื่ออ่านเนื้อหาของคุณจนจบ ฯลฯ
คุณสามารถนำ GTM มาใช้ในการวัดผล Conversion ที่คุณต้องการ เพื่อที่จะได้ส่งข้อมูลกลับไปยัง Platform โฆษณาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Ads, Facebook Ads, LINE Ads, TikTok Ads ฯลฯ เพื่อที่ทาง Platform โฆษณาเหล่านั้นจะได้ทำการปรับปรุงโฆษณาของคุณให้ดียิ่งขึ้น ยิงโฆษณาได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เรื่องของการสร้าง Data Layer เพื่อนำไปใช้งานในการวัดผล Ecommerce ของคุณ (ทั้งในส่วนของ Google Analytics เวอร์ชั่น Universal Analytics และ GA4 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด!)
ซึ่งจะทำให้คุณรู้ได้ว่า สินค้าตัวไหนของคุณขายดีมากที่สุด ช่องทางการตลาดไหนที่ทำกำไรให้คุณมากที่สุด แคมเปญโฆษณาตัวไหนที่ทำคุณขาดทุนอยู่!
เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ด้วยข้อมูล (Data-Driven Company) ไม่ใช่การคิดหรือมโนกันไปเองของบรรดาเหล่า HIPPO (Highest Paid Person’s Opinion) ทั้งหลาย (คุณสามารถใช้ GTM เพื่อเก็บข้อมูลแล้วเอาตัวเลขไปโต้กับพวกเค้าได้ครับ เพราะว่าตัวเลขไม่เคยโกหกใคร!)
ช่วยให้คุณเปลี่ยนตัวเองให้กลายไปเป็นนักการตลาดสายเทคนิค โดยนำ GTM มาใช้เก็บข้อมูลต่างๆ แล้วนำไปพัฒนาแคมเปญการตลาดของคุณได้ต่อไป โดยไม่ต้องพึ่งพาทีม Developer จนเกินไป คุณสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง!
อาจจะดูเหมือนเป็นงานยาก แต่ใครๆ ก็สามารถใช้งาน GTM ได้ง่ายๆ แล้วคุณจะเป็นมือโปรฯ ในการใช้งาน GTM นี้ได้อย่างแน่นอน เชื่อมือผมได้เลยครับงานนี้
การันตีผลลัพธ์ 100%
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยใช้งาน GTM มาก่อน คุณก็จะสามารถที่จะเรียนแล้วก็นำ GTM ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแน่นอน ผมกล้ารับประกัน
ถ้าคุณเรียนไปแล้วยังไม่รู้วิธีการติดตั้ง Tags ต่างๆ บนเว็บไซต์ หรือไม่สามารถวัดผล Conversions ต่างๆ รวมไปถึงการวัดผล Ecommerce ที่เว็บไซต์ของคุณได้
ผมยินดีคืนเงินให้คุณ 100% ภายใน 30 วัน หลังจากที่คุณได้ลงเรียนคอร์ส GT2M นี้ครับ
คุณมีคำถาม ผมมีคำตอบ
คอร์สนี้สอนเกี่ยวกับการทำโฆษณาออนไลน์มั๊ย?
คอร์ส GT2M นี้ไม่ได้สอนวิธีการทำโฆษณาออนไลน์ผ่านทางแพลตฟอร์มโฆษณาต่างๆ เช่น Google, Facebook, LINE, TikTok และอื่นๆ
แต่จะสอนให้คุณดึงข้อมูลต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ แล้วส่งข้อมูลกลับไปยังแพลตฟอร์มโฆษณาเหล่านั้น เพื่อช่วยทำให้โฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ต้นทุนโฆษณาลดลง และยอดขายเพิ่มมากขึ้นได้
จะเห็นได้ว่า GTM ก็ถือว่าเป็นเครื่องมือสำหรับนำมาใช้ในการ Optimization แคมเปญโฆษณาได้เหมือนกัน
ไม่เคยใช้งาน GTM มาก่อน จะเรียนรู้เรื่องมั๊ย?
เคยใช้งาน GTM มาบ้าง เรียนได้มั๊ย?
ผมคิดว่า คุณน่าจะเป็นเหมือนกับผมมาก่อน ที่เคยใช้ GTM โดยการไปหาอ่านสิ่งที่ต้องการ แล้วก็แค่มาทำตาม โดยที่ยังไม่ได้เข้าใจว่า หลักการของมันคืออะไร? ที่มาที่ไปของการสร้าง Tags, Triggers นั้นเพื่ออะไร?
ผมขอถือโอกาสนี้ชวนคุณให้มาเรียนรู้ไปด้วยกันครับ เพื่อที่คุณจะได้รู้และเข้าใจการทำงานของ GTM นี้จริงๆ เพื่อที่จะได้นำไปใช้ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้นครับ แล้วคุณจะรู้ได้ว่า การใช้งาน GTM ไม่ใช่เรื่องยาก อย่างที่เราคิดครับ